วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563
วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2562
พุทธศาสตร์สอนให้เรียนรู้ตนเอง
บนโลกใบนี้มีศาสตร์วิชชาความรู้มากมายนับไม่ถ้วน
ที่เกิดขึ้นจากปัญญาความเฉลียวฉลาดของมนุษย์
ซึ้งถ้าเราจะเรียนให้หมดทุกแขนงนั้นก็คงไม่รู้จบและใช้เวลายาวนาน
แต่ความรู้ต่างๆเหล่านี้ยิ่งเรียนและรู้มากเท่าไหร่
อัตตาความมีตัวตนก็ยิ่งมีมากเพิ่มขึ้นเท่าตัว
เพราะยิ่งรู้ยิ่งเพิ่มความอยากมีอยากเป็น
"ความรู้สึกมันเหมือนโยนหินลงเหว โยนเท่าไหร่มันก็ไม่เต็ม
ความอยากมันเป็นอย่างนั้น"
รู้เท่านี้แล้วมันไม่พอมันอยากรู้อยากทำเป็นมากขึ้นไปอีก
เมื่อรู้มากความรู้สึกยึดถือมันก็มากตามจนมีอัตตาเต็มจิตเต็มใจ
มีมากทุกข์ก็มากตามลำดับ เมื่อเรามีอะไรสักอย่างที่เรายึดว่าเป็นของเรา
เราจะเริ่มรู้สึกหวงแหน เป็นห่วง เป็นกังวล จนเป็นทุกข์ขึ้นมา
ความเป็นจริงแล้ว การมีความรู้มาก การมีสิ่งของต่างๆมาก
ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร และไม่ใช่เหตุให้เราทุกข์
เป็นได้แต่เพียงปัจจัยที่มีส่วนร่วมให้เกิดทุกข์เท่านั้น
แต่เหตุแท้จริงแล้ว เมื่อเรามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับเรา
ใจเรามันไปยึดเป็นอัตตาว่า นี้ตัวตนเรา นี้ความรู้เรา นี้สิ่งของของเรา
ตรงนี้แหละที่มันเป็นเหตุเเห่งทุกข์ที่เกิดขึ้น เมื่อยึดขึ้นมา
มันก็อยากสาระพัดอยากมีขึ้นมาในดวงจิตดวงใจ
กลายเป็นความสำคัญในตัวตนและสิ่งของที่มี ฉนั้น
การมีสิ่งต่างๆแล้วยึดมั่นถือมั่นไว้ในจิตใจ
จะเป็นการที่เรารู้สึกในการมีตัวตน รู้สึกว่ามีความรู้
รู้สึกว่าเรามีสิ่งของ เกิดขึ้นในใจนั้น
เป็นเชื้อโรคร้ายทางจิตวิญญาณที่เป็นเหตุให้ก่อทุกข์ต่างๆเกิดขึ้นมากมาย
คำสอนทางพระพุทธศาสนาจึงสอนให้เราดับทุกข์ ด้วยการดับเหตุ
ซึ่งเหตุนั้นมันเกิดขึ้นในใจเรา ไม่ได้เกิดขึ้นที่ศาสตร์วิชชาแขนงใหนๆ
ไม่ได้เกิดขึ้นที่วัตถุสิ่งใหน แต่เกิดขึ้นเพราะใจมีเชื้อของกิเลสเป็นเหตุ
พระพุทธองค์จึงสอนให้เราเรียนรู้ตนเองรู้เห็นตนเอง แล้วดับเหตุในตนเอง
เพื่อจะได้หมดทุกข์เพราะตนเองก่อเอง
ความรู้อื่นในโลกสอนให้เรารู้เห็นสิ่งภายนอกให้เราพึ่งสิ่งอื่นภายนอก
แม้ลัทธิอื่นๆก็สอนให้พึ่งเทพเจ้า
แต่มีศาสนาเดียวในโลกที่สอนให้รู้จักตนเองแล้วมีตนเองเป็นที่พึ่ง
ยิ่งรู้จักตนเองได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งหมดตัวหมดตน
ลดอัตตาตัวตนลงได้มากเท่านั้น เมื่ออัตตามันลด ทุกข์ก็ลดลงตาม
ความหวงแหนความห่วงใย ความกังวล ความอาลัย
ที่เกิดจากความคิดสำคัญผิดว่ามีเรามีเขา มันก็น้อยลง ทุกข์จึงลดน้อยลงตาม
ก็จะเหลือแต่สติปัญญาในการมีสิ่งเหล่านี้ในการสร้างประโยชน์แก่ตน คนอื่น
สังคม อย่างถูกต้องดีงาม
การเริ่มเรียนรู้ข้อธรรมเป็นศาสตร์เดียวในโลกที่สอนให้เรารู้แล้วละวาง แม้พระธรรมเพียงหัวข้อเดียว หากเราเอามาพินิจพิจจารนาอย่างจริงจังจนรู้แจ้งชัดในบทนั่นๆ ก็เกิดคุณอนันต์แก่เราแล้ว...!
การเริ่มเรียนรู้ข้อธรรมเป็นศาสตร์เดียวในโลกที่สอนให้เรารู้แล้วละวาง แม้พระธรรมเพียงหัวข้อเดียว หากเราเอามาพินิจพิจจารนาอย่างจริงจังจนรู้แจ้งชัดในบทนั่นๆ ก็เกิดคุณอนันต์แก่เราแล้ว...!
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)